ครูสาวโรคจิต ข่มขืนลูกศิษย์ด้วยปากกา ก่อนฆ่ายัดใส่กระเป๋า

ThaiNews

Thursday, June 9, 2016

0 comments

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ในเมืองเทรซี่ ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเป็นเหตุการณ์ที่ เมลิซซ่า ฮัคคาบี ครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งของเมืองเทรซี่ แคลิฟอร์เนีย ก่อเหตุข่มขืนและฆาตกรรมเด็กหญิงวัย 8 ขวบ โดยนำศพยัดในกระเป๋าเดินทาง ซึ่งเด็กหญิงคนนั้นก็คือนักเรียนของเธอเองด้วย

เมลิซซ่า ฮัคคาบี้นั้นหลังจากแต่งงานและมีลูกแล้ว เธอกับครอบครัวก็มาอาศัยอยู่ที่เมืองเทรซี่ และมีอาชีพเป็นครู นอกจากนี้ยังเป็นอาสาสมัครสอนหนังสือให้นักเรียนในโบสถ์ทุกวันอาทิตย์อีก ด้วย โดยบุคลิกของเธอนั้นดูเป็นผู้หญิงใจดี ศรัทธาในศาสนา และสอนเด็กๆให้เชื่อฟังในคำสอนของพระเจ้า ซึ่งด้วยเหตุนี้เองทำให้เธอสนิทกับเพื่อนบ้านที่ชื่อ มาเรีย ซาเวซ และครอบครัว รวมถึงลูกสาวของเธอ ซาดร้า แคนทู ด้วย

ความสัมพันธ์ของสองบ้านนี้ราบรื่นดีมาตลอด จนทำให้มาเรียไม่เคยคิดเลยว่า เพื่อนบ้านและครูผู้ใจดีคนนี้จะพรากลูกสาวของเธอให้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

แล้วเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นในวันที่ 27 มีนาคม 2009 มาเรียและสามีรีบไปแจ้งความด้วยตระหนกตกใจว่า ซานดร้า ลูกสาววัย 8 ขวบ หายตัวไปอย่างลึกลับ ซึ่งภายในบ้านนั้นไม่ได้สิ่งใดเสียหรือสูญหายเลย และไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ทำให้ตำรวจคาดการณ์ว่าซานดร้าน่าจะถูกล่อลวงไปในที่ไหนสักแห่ง ก่อนจะออกตามหาเด็กหญิงตัวน้อยก็ไม่พบเจอหลักฐานใด จนได้เห็นเทปจากกล้องวงจรปิดตัวหนึ่งที่จับภาพเด็กหญิงได้ที่บริเวณบ้านพัก แห่งหนึ่งห่างจากบ้านของ เมลิซซ่า ไป 5 หลัง

ข้อสันนิษฐานเดียวของตำรวจในขณะนั้นคือ ซานดร้าถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ แต่ผ่านไปกว่า 10 วัน หากเป็นการเรียกค่าไถ่จริงก็ต้องมีการโทรมาขู่เรียกเงินบ้าง แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ ความหวังในการพบเด็กน้อยนั้นมีน้อยเต็มที จนจู่ๆ มาเรียก็ได้ข้อความหนึ่งทางโทรศัพท์จากเมลิซซ่าว่า “ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าในวันที่ซานดร้าหายไป ของๆฉันบางอย่างก็ถูกขโมยไปด้วย ฉันไม่แน่ใจว่ามันเกี่ยวกันไหม แต่เธอควรบอกตำรวจไว้นะ”



ของที่เมลิซซ่าบอกว่าหายไปนั้นก็คือกระเป๋าเดินทางขนาดกลางที่ใหญ่พอจะใส่ ร่างเด็กหญิงวัย 8 ขวบได้ หลังจากนั้นตำรวจจึงต้องเรียกเธอไปให้ปากคำที่โรงพัก ทำให้คดีนี้เริ่มมีความเคลื่อนไหวโดยมีจุดสนใจอยู่ที่เมลิซซ่า ครูสาวผู้ใจดีของเมือง

อีกหนึ่งวันให้หลัง เมลิซซ่า ก็มีเบาะแสให้กับตำรวจอีกคือ กระดาษโน้ตที่เธอบอกว่าสอดอยู่ในกองเอกสารที่โต๊ะทำงานของเธอ โดยมีข้อความว่า ร่างของหนูน้อยซานดร้านั้นอยู่ในกระเป๋าเดินทางที่ถูกโยนทิ้งในบ่อน้ำใกล้ กับถนนไวท์ฮอล์ ตำรวจและอาสาสมัครจึงรีบไปที่บ่อน้ำดังกล่าว แล้วก็พบกระเป๋าใบนั้น ที่ภายในมีร่างไร้วิญญาณของหนูน้อยซานดร้านอนอยู่

หลังผ่านผลชันสูตรศพก็ต้องยิ่งหดหู่ใจเมื่อพบว่าเด็กน้อยนั้นถูกล่วงละเมิด ทางเพศ แล้วถูกฆ่า แต่กลับไม่พบคราบอสุจิที่ร่างของเธอเลย ตำรวจจึงเชื่อฆาตกรคนนี้น่าจะเคยก่อคดีฆาตกรรมในลักษณะนี้มาก่อน เพราะถือว่ามีความชำนาญในการกำจัดหลักฐานอย่างเชี่ยวชาญ

ด้านมาเรียและสามีของเธอก็ทำได้เพียงเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของลูกสาวสุด ที่รัก โดยหวังเพียงว่าตำรวจจะตามฆาตกรใจโฉดมาลงโทษให้ได้

อย่างไรก็ตามหลักฐานและเบาะแสทั้งหมดที่ได้นี้ก็ยังไม่พอที่จะสามารถตามจับ ฆาตกรได้ แต่ตำรวจก็มีบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกกับชาวบ้านนั่นคือ ผู้ที่น่าสงสัยว่าเป็นฆาตกรมากที่สุดคือ เมลิซซ่า ฮัคคาบี ผู้ที่ให้เบาะแสสำคัญกับตำรวจอย่างกระเป๋า กับกระดาษโน้ต และหลังจากนั้นไม่นานตำรวจก็นำหมายค้นไปที่บ้านของเธอ แล้วก็พบกระดาษที่ร่างข้อความไว้ว่าจะพบศพซานดร้าได้ที่ไหน ซึ่งมันคือลายมือของเมลิซซ่าเอง



ทันใดนั้น ครูสาวผู้ใจดีของหมู่บ้านก็ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีลักพาตัว ล่วงละเมิดทางเพศและฆาตกรรมทันที เมื่อถูกจับกุมเมลิซซาก็ได้แต่ร้องไห้ และร้องไห้อย่างหนักเมื่อให้การรับสารภาพว่าเธอลงมือฆ่าซานดร้า แคนทู ลูกสาวของเพื่อนบ้านจริง

เธอเล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า ขณะที่ซานดร้าไม่ได้อยู่กับแม่นั้น เธอเรียกซานดร้ามาหา โดยบอกว่าจะให้เล่นเกมด้วยการซ่อนอยู่ในกระเป๋า แล้วเธอก็พาไปบ้านย่าของเธอที่เสียชีวิต นอกจากนี้เมลิซซ่ายังยืนยันว่าเธอไม่ได้ข่มขืนซานดร้า โดยเด็กนั้นขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในกระเป๋าแล้ว

แต่หลักฐานจากผลการชันสูตรระบุแน่นอนว่าเด็กน้อยถูกล่วงละเมิดทางเพศด้วยปากกาแล้วถูกบีบคอจนเสียชีวิต ก่อนถูกยัดใส่กระเป๋าเดินทาง เมื่อหลักฐานออกมัดตัวขนาดนั้น เมลิซซาจึงต้องสารภาพว่าเป็นคนลงฆาตกรรมจริงเพราะชอบที่ซานดร้าเป็นเด็กหญิง ที่น่ารัก เมื่อให้การสารภาพ ศาลจึงลดโทษและพิพากษาให้เธอจำคุกตลอดชีวิต

หลังจากคดีนี้สิ้นสุด ตำรวจได้ออกมากล่าวถึงคดีสุดสะเทือนขวัญชาวเมืองนี้ว่า “เราไม่คิดเลยว่าคนร้ายจะเป็นผู้หญิง เพราะดูจากการกระทำแล้ว ทั้งการลักพาตัว การข่มขืน และยัดใส่กระเป๋าอย่างนั้น มันดูเลวร้ายและเหมือนเป็นการกระทำของผู้ชายมากกว่า”

นอกจากนี้ยังพูดถึงเหตุจูงใจที่เมลิซซ่าก่อคดีฆาตกรรมนั้นเป็นเพราะเธอมี อาการทางจิตที่เรียกว่า Proxy Syndrome ที่เบื่อชีวิตของตัวเอง และอยากเรียกร้องความสนใจให้มากที่สุด จึงมีความคิดอยากทารุณเด็ก และจากที่เธอให้เบาะแสกับตำรวจว่ากระเป๋าของเธอหายไป รวมถึงเอากระดาษโน้ตนั้นไปให้กับตำรวจ ก็เพื่อให้ทุกคนสนใจมาที่เธอให้มากๆนั้นเอง ซึ่งตำรวจก็สันนิษฐานอีกว่า หากเหยื่อไม่ได้เป็นหนูน้อยซานดร้าแล้ว อาจจะเป็นลูกของเธอเองก็เป็นได้

ที่มา :http://tnews.teenee.com/crime/129435.html

Tag : Hot